เขตสุขภาพเพื่อประชาชนภาคใต้

"ชุมชนเปราะบางช่วยคนเปราะบาง"

เขียนโดย ชาคริต โภชะเรือง

12 มีนาคม 2562  เป็นอีกวันที่ภาคภูมิใจ นำเสนอรูปธรรมของงานเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขต ๑๒ ประเด็นสุขภาวะกลุ่มชาติพันธุ์และเปราะบางทางสังคม เตรียมงานกันมากว่าสัปดาห์ จึงเริ่มลงมือถ่ายทำ

เริ่มด้วยนำเสนอรูปแบบของชุมชนที่ไม่ทอดทิ้งกัน ชุมชนแหลมสนอ่อน จัดได้ว่าเป็นชุมชนเปราะบาง กล่าวคือ มีปัญหาในด้านเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน ประชากรจำนวนหนึ่งก็มีความเปราะบางทางสังคม ทางสุขภาพ เป็นคนต่างถิ่น มีความขัดแย้งไม่ลงรอยกันในหมู่ผู้นำ อยู่ในสภาพต้องช่วยตัวเองและช่วยกันเองมากกว่าจะมีใครลงมาเป็นเจ้าภาพแก้ปัญหา

ด้วยเหตุนี้ชุมชนจำนวนหนึ่งจึงต้องหันหน้าเข้าหากัน รวมกลุ่มกันในฐานะกลุ่มออมทรัพย์ต่อมาพัฒนาเป็นกองทุนสตรีแหลมสนอ่อน
ได้ร่วมกับศปจ.สงขลา/๔PW ลงเก็บข้อมูลคนยากลำบากและเปราะบางทางสังคมในพื้นที่ตำบลบ่อยางและใกล้เคียงจึงพบว่ามีคนอื่นอีกมากที่เป็นคนเปราะบางและลำบากมากกว่า บวกกับความมีน้ำใจของแกนนำจึงดิ้นรนหาทางช่วยเหลือกันและกันตามกำลังที่มี

โดยเข้ามาเป็นอนุกรรมการของประด็นอาศัยกขป.เขต ๑๒ ช่วยเสริมอีกแรงซึ่งปรากฏว่าด้วยวิธีคิดที่ทะลุทลวงเช่นนี้ช่วยเหลือคนได้จำนวนไม่น้อย

ทั้งในแง่สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เช่น กรณีให้งานทำขายไอสกรีมลมโชย ร่วมกับหน่วยงานยุติธรรมจังหวัด

ทน.สงขลา อำเภอช่วยประสานให้ได้บัตรประชาชน

ร่วมกับศูนย์อาสาสร้างสุขเปิดศูนย์แบ่งปันผ้าสร้างสุข นำเสื้อผ้ามือสองที่ได้รับบริจาคมาส่งต่อให้กับผู้ที่ต้องการจำนวนมาก

ด้านหนึ่งก็แปรเป็นเงิน หรือส่งต่อให้ไปจำหน่าย ขณะเดียวกันก็ไม่นิ่งดูดายเมื่อประสบผู้ทุกข์ยาก ส่งต่อประสานความช่วยเหลือโดยไม่อิดออดกลายเป็นทางออกหนึ่งที่หลายคนตั้งใจเดินเข้ามาหา

แล้วก็มีเครือข่ายอีกไม่น้อยได้ลงมาช่วยเหลือสนับสนุน อาทิ ม.ราชภัฎ มทร.ศรีวิชัย พมจ. บริษัทประชารัฐสงขลาฯ สวนผักคนเมือง/มูลนิธิชุมชนสงขลาและอบจ.สงขลา nodeสสส.โครงการขนาดเล็ก ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งก็ส่งเคสมาร่วมกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูจิตใจ

คนเปราะบางย่อมเข้าใจและเห็นใจคนเปราะบางด้วยกัน บางกรณีอับจนทางออก ไม่สามารถใช้ช่องทางปกติของหน่วยงานช่วยเหลือก็พยายามดิ้นรนหาเงิน หาทุนมาช่วยเหลือแบ่งปัน จัดงานจิบน้ำชาจัดตั้งกองทุน ทำแปลงตำลึงในป่าสนสร้างรายได้มาเป็นรายจ่ายที่เกิดจากการดำเนินงาน

ชุมชนแหลมสนอ่อนจึงเป็นชุมชนเปราะบางที่ช่วยคนเปราะบางด้วยกัน พลังของชุมชนที่เกิดขึ้นเช่นนี้ควรจะมีมากขึ้นจะมีส่วนช่วยเติมช่องว่างของระบบราชการที่คำนึงถึงอำนาจหน้าที่ สิทธิ์ตามระบบ หรือว่าไปตามลำดับขั้นตอน การเติมเต็มเช่นนี้ทำโดยฐานะพลเมืองไม่ได้เลือกชนชั้น ฐานะ หรือว่าอุดมการณ์การเมืองใด ขณะเดียวกันก็ต่อสู้กับปัญหานานาที่กำลังประสบ กำลังใจที่ได้รับและสะท้อนคืนกลับมาจะมีส่วนช่วยทำให้พวกเขามีความเข้มแข็งมากขึ้นไปด้วย

แม้จะไม่เรียกว่าสมบูรณ์แบบแต่นี่ก็คืออีกตัวอย่างหนึ่งของการลุกขึ้นมาช่วยกันเองโดยไม่รีรอของชุมชนปัจจุบัน