เขตสุขภาพเพื่อประชาชนภาคใต้

มูลนิธิชุมชนไท โดยการสนับสนุนของ สสส. ร่วมกับ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน สำนักงานภาคใต้ ลงพื้นที่สนันสนุนการจัดแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะให้กลุ่มชาวเลอูรักลาโว้ยจากเกาะจำ เกาะลันตา เกาะพีพี  จ.กระบี่

โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 เม.ย.67 ที่ผ่านมา ซึ่งในการลงพื้นที่สนับสนุนกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะในครั้งนี้ได้แยกการจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับสภาพพื่นที่ของทั้ง 3 เกาะ เช่น

เกาะจำ จัดให้การการเก็บข้อมูลประชากรกลุ่มอูรักลาโว้ยทุกครัวเรือน จัดทำข้อมูล 7 ด้าน เพื่อนำไปสู่การประกาศเป็นเขตคุ้มครองวิถีชีวิตและวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล

เกาะลันตา สรุปความคืบหน้าช่วงที่ 1 ด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย "บ้านมั่นคง" เพื่อดำเนินการในระยะที่ 2 ต่อไป รวมทั้งจัดให้การการเก็บข้อมูลประชากรกลุ่มอูรักลาโว้ยทุกครัวเรือน พัฒนาข้อมูล 7 ด้านให้สมบูรณ์ เพื่อนำไปสู่การประกาศเป็นเขตคุ้มครองวิถีชีวิตและวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลต่อไป

แหลงตง เกาะพีพี พัฒนาโครงการบ้านมั่นคง ทั้งผังชุมชน สาธารณูปโภค การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะชุมชนชาวเล เพื่อให้พร้อมสำหรับการรับงบประมาณอุดหนุนในการพัฒนาที่อยู่อาศัย รวทั้งการทบทวนข้อมูลประชากรกลุ่มอูรักลาโว้ยในทุกครัวเรือน เพื่อมิให้ตกหล่น และการประมวลข้อมูล 7 ด้าน เพื่อนำไปสู่การประกาศเป็นเขตคุ้มครองวิถีชีวิตและวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลต่อไป


จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้พบเห็นปัญหาความเดือดร้อนของชาวเลแหลมตง เกาะพีพี ที่ควรได้รับการแก้ไข ดูแล อย่างเร่งด่วนคือ การขาดน้ำจืดเพื่อการอุปโภค-บริโภค เพราะด้วยบ่อน้ำที่มีอยู่ 3 บ่อ สามารถใช้การได้แค่บ่อเดียว แต่ในช่วงฤดูร้อนในขณะนี้พบว่าน้ำมีความเค็มสูง ซึ่งส่งผลต่อการดำรงชีวิตของชาวเลที่นี่กว่า 150 คน

ส่วนที่เกาะจำพบว่า ระบบบริการด้านสุขภาพของสถานพยาบาลในพื้นที่ มีความจำเป็นต้องเพิ่มทั้งงบประมาณ บุคลากร เครื่องมือทางการแพทย์ด้านการกู้ชีวิตในสภาวะวิกฤติ (จากคำบอกเล่าของชาวเลเกาะจำพบว่ามีชาวเลเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลันหลายรายและต่อเนื่อง)และพาหนะสำหรับส่งต่อผู้ป่วย

ด้านเกาะลันตาพบว่า ชาวเลในพื้นที่ยังขาดความเข้าใจในเรื่อง "สิทธิและสวัสดิการทางสังคม" ยังมีหลายรายไม่ทราบว่าตนสามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการอันใดบ้าง
และปัญหาในภาพรวมของชาวเลทั้ง 3 เกาะในขณะนี้ก็คือ ไม่ทราบความคืบหน้าด้านการประกาศรับรองพื้นที่ที่ชาวเลอูรักลาโว้ยอาศัยอยู่ในปัจจุบัน โดยเรื่องนี้ได้มีการประชุมร่วมกันไประหว่างชาวเลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ในขณะนี้ชาวเลยังไม่ทราบความคืบหน้าใดๆ

ดังนั้นปัญหาทุกประการที่กล่าวมา ขอเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปพิจารณาดำเนินการ "อย่างเร่งด่วน" เพื่อให้ประชากรกลุ่มนี้ได้มีคุณภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดีขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ มูลนิธิชุมชนไท