เสวนา “การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชายแดนใต้” : ทบทวนอดีตเพื่อคุณภาพชีวิต ความยั่งยืน และความเป็นธรรม

  • photo  , 960x720 pixel , 58,217 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 57,597 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 58,737 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 58,195 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 78,927 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 50,071 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 60,232 bytes.
  • photo  , 1080x486 pixel , 38,570 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 58,070 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 41,827 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 48,932 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 33,126 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 35,187 bytes.
  • photo  , 720x960 pixel , 58,569 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 51,935 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 61,278 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 68,156 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 70,564 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 51,400 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 62,538 bytes.
  • photo  , 1000x1415 pixel , 233,409 bytes.

เวที “การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชายแดนใต้” : ทบทวนอดีตเพื่อคุณภาพชีวิต ความยั่งยืน และความเป็นธรรม

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563 เวลา 9.00 น. - 16.00 น.  ณ ห้องประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา


หลังจากที่อาจารย์ชลิตา บัณฑุวงศ์ ตัวแทนเครือข่ายงานวิชาการศึกษานโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คนศ.จชต.) บอกกล่าวความเป็นงานความเป็นมาของการจัดงาน ก็ได้มีการกล่าวต้อนรับโดยคณบดีคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และที่สุดยอดก็มีการเปิดงานโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา คุณพาตีเมาะทสะดียามู ซึ่งได้กล่าวสะท้อนถึงความสำคัญเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐกับภาคประชาสังคมเครือข่ายชุมชนที่จำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม


ถัดมาเป็นช่วงปาฐกถาที่น่าสนใจเป็นอย่างมากที่เห็นขบวนการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชน โดยคุณบารมี ชัยรัตน์ เลขาธิการสมัชชาคนจน ว่าด้วยเรื่องการเข้าไม่ถึงสิทธิเหนือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของคนจนในสังคมไทยและประสบการณ์ในการต่อสู้เรียกร้องซึ่งได้สะท้อนถึงแนวทางการต่อสู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะด้านที่ดินที่ได้เห็นความเหลื่อมล้ำในเชิงโครงสร้างของประเทศ ความพยายามของสมัชชาคนจนสู้ที่เน้นถึงความไม่เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้าและเป็นความพยายามในการต่อสู้ตามแนวทางระบอบประชาธิปไตยเพราะเชื่อมั่นว่าประชาธิปไตยทางตรงเท่านั้นที่ทำให้เห็นหัวของประชาชน นอกจากนั้นชุมชนต้องมีสิทธิ์ในการเข้าถึง อนุรักษ์ และยับยั้งโครงการพัฒนาที่ไม่สอดคล้องและไม่เป็นที่ต้องการของชุมชน


ช่วงเวลาถัดมาเป็นการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นในด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่สะท้อนให้เห็นถึงข้อดีและข้อจำกัดโดยภาพรวมจะเป็นการให้ข้อมูลระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรต่าง ๆ มีเอกสารประกอบด้วย โดยรองศาสตราจารย์ดร.ธนพร ศรียากูล ประธานอนุกรรมการศึกษาความเป็นไปได้การถ่ายโอนภารกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


ก่อนหมดช่วงเช้าเป็นการเสวนาโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นการทบทวนอดีตและบทเรียนการจัดการทรัพยากรในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาเครือข่ายองค์กรชุมชนที่ขับเคลื่อนผ่านประเด็นปัญหาต่าง ๆ


เริ่มจากอาจารย์เกื้อ จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พูดถึงการต่อสู้ของชุมชนที่ลำพญากับการสร้างอ่างเก็บน้ำถึงที่สะท้อนให้เห็นว่าการต่อสู้ของประชาชนในแนวทางสันติวิธีเพื่อคัดค้านทานเสียงโครงการพัฒนาที่มีนามสกุลห้อยท้ายว่าพระราชดำริก็ไม่อ่านทำได้จนในที่สุดชุมชนก็ยอมแพ้และพักการต่อสู้ และกล่าวถึงปัญหาปัจจุบันที่การต่อสู้ของชุมชนที่ยังมีชัดเจนอยู่กับโครงการพัฒนาที่เทพาและจะนะ จังหวัดสงขลา


อาจารย์นุกูล รัตนดากุล นายกสมาคมลุ่มน้ำสายบุรีได้สะท้อนให้ย้อนอดีตให้เห็นการเริ่มต้นการทำงานเครือข่ายชุมชนผ่านการวิจัยเรื่องนกน้ำอพยพซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เรียนรู้หลักคิดหลักการใช้ชีวิตของชาวมลายูมุสลิมในพื้นที่พร้อม ๆ กับสะท้อนความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงของระบบนิเวศที่ไม่อาจแยกตัดขาดกันได้ เหมือนเพลงพี่เบิร์ด “ฝนที่ตกทางโน้นหนาวถึงคนทางนี้”


อาจารย์บัณฑิต ไกรวิจิตร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานีสะท้อนและการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรพลังงานวิจัยเชิงมานุษยวิทยาว่า การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่เพียงกระทบกับคนในชุมชนเท่านั้น ยังกระทบกับกลุ่มชาติติพันธ์ที่อยู่ในป่าลึกอย่าง “โอรังอัสลี” ด้วย เพราะปัจจุบันอาหารเพื่อการยังชีพในพื้นที่ป่าหายไป ยิ่งมาประสบกับสถานการณ์ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ชาวพุทธไม่สามารถไปล่าหมูป่าได้ทำให้ประชากรหมูป่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นเผือกมันที่เป็นอาหารของกลุ่มโอรังอัสลีจึงลดน้อยลงจนบางครั้งจำเป็นต้องออกมาทำงานรับจ้างเพื่อแลกอาหารกับคนในชุมชน


ขณะที่ตัวแทนเครือข่ายประมงพื้นบ้านอำเภอปะนาเระ คุณสุไลมาน ดาราโอะ กล่าวว่า ช่วงนึงทรัพยากรทางทะเลจะลดน้อยลงด้วยเงื่อนไขทางเศรษฐกิจและนโยบายของรัฐ แต่อย่างไรก็ตามด้วยบทบาทของความร่วมมือของเครือข่ายก็ทำให้การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลมีความหวัง สามารถฟื้นฟูทรัพยากรและสร้างรายได้ให้กับกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านได้


อย่างไรก็ตามสถานการณ์กลับแตกต่างกับกรณีข้อพิพาทที่ดินอุทยานแห่งชาติบูโด- สุไหงปาดี โดยคุณอาหามะ ลีเฮง กล่าวถึงปัญหาประกาศพื้นที่อุทยานโดสุไหงปาดีที่กระทบต่อชุมชนที่อยู่มาก่อนอุทยานเป็นร้อยปีแม้ว่าจะมีเอกสารหลักฐานแสดงการมีอยู่ก็ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินกระทบต่อการใช้สิทธิ์ในพื้นที่ได้และที่น่ากังวลต่อไปคือการออกพ.ร.บ. อุทยานในปี 62 รวมทั้งการผลักดันพื้นที่มรดกโลกในพื้นที่เบตงอัยเยอร์เวงซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด


ช่วงบ่าย อาจารย์ชลิตา บัณฑุวงศ์ ได้นำเสนอลำดับเหตุการณ์สำคัญด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มจาก การตั้งนิคมสร้างตนเอง การสร้างเขื่อนบางลาง การสร้างเขื่อนปัตตานี การพัฒนาพรุบาเจาะ โครงการก่อสร้างเขื่อนสายบุรี การพัฒนาพรุลานควาย โครงการพัฒนาอ่าวปัตตานี การประกาศเขตอุทยานฯ โครงการสร้างเขื่อนเก็บน้ำลำพะยา การขยายพทื้นที่ให้สัมปทานเหมืองหิน การให้สัมปทานขุดทรายในแม่น้ำ รวมถึง โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต


จากนั้นจึงเป็นเวทีเปิด ให้โอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันการจัดการทรัพยากรที่ดีขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นการสะท้อนประเด็นปัญหาจากพื้นที่โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่เป็นประเด็นร้อนกรณีขุดลอกอ่าวปัตตานี มีการแลกเปลี่ยนให้ความเห็นอย่างเข้มข้น รวมถึงการสะท้อนปัญหาการจัดการป่าต้นน้ำ การกันคนออกจากพื้นที่ การขุดลอกพื้นที่พรุ เป็นต้น 


ข้างต้นคือเพียงคือสรุปความสั้นๆที่ได้จากเวที แต่บรรยากาศในเวทีสนุกและเข้มข้นไปด้วยข้อมูลเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาก ๆ

ไอร์นี แอดะสง  บันทึกและรายงาน


ข้อมูลประกอบการจัดเวที

กำหนดการ เวทีเสวนาและระดมความคิดเห็น “การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชายแดนใต้”: ทบทวนอดีตเพื่อคุณภาพชีวิต ความยั่งยืน และความเป็นธรรม”

09.00-09.25 น. ลงทะเบียน

09.25-09.40 น. ความเป็นมาของการจัดงาน โดย ตัวแทนเครือข่ายนักวิชาการศึกษานโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คนศ. จชต.)

กล่าวต้อนรับ โดย ตัวแทนมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

กล่าวเปิดงาน โดย นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา

09.40-10.20 น.  ปาฐกถา “การเข้าไม่ถึงสิทธิเหนือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของคนจนในสังคมไทย และประสบการณ์ในการต่อสู้เรียกร้อง” โดย คุณบารมี ชัยรัตน์ (เลขาธิการสมัชชาคนจน)

10.20 -11.00 น. บรรยายพิเศษ “การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นในด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม: ข้อดีและข้อจำกัด” โดย รศ.ดร.ธนพร ศรียากูร (ประธานอนุกรรมการศึกษาความเป็นไปได้การถ่ายโอนภารกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)

11.00-11.15 น.  พักเบรก

11.15-12.30 น. การเสวนา “ทบทวนอดีตและบทเรียนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชายแดนใต้”

โดย
1)อ.ดร.เกื้อ ฤทธิบูรณ์ (คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)

2)ผศ.นุกูล รัตนดากุล (สมาคมลุ่มน้ำสายบุรี)

3)ผศ.ดร.บัณฑิต ไกรวิจิตร (คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)

4)คุณสุไลมาน ดาราโอะ (เครือข่ายประมงพื้นบ้านปานาเระ)

5)คุณอาหามาะ ลีเฮง (เครือข่ายที่ดินเทือกเขาบูโด)

ดำเนินรายการโดย อ.อัลอามีน มะแต คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

12.30-13.30 น.  พักเที่ยง

13.30- 16.00 น.  เวทีโต๊ะกลมระดมความคิดเห็น “จากปัจจุบัน สู่การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิตที่ดี”

-การนำเสนอ timeline สถานการณ์การเคลื่อนไหวด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมชายแดนใต้ และข้อสังเกตเบื้องต้น (15 -20 นาที) โดย ผศ.ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ (ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.เกษตรศาสตร์)

-การระดมความคิดเห็นผู้เข้าร่วมจากตัวแทนเครือข่าย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคการเมือง (คนละ 5-8 นาที) ดำเนินรายการโดย อ.อสมา มังกรชัย (คณะรัฐศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี) และ ดร.ไอย์นี แอดะสง (สำนักอธิการบดีม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)

-ประมวลสรุปแนวทางการดำเนินงานและประสานความร่วมมือ (10 -15 นาที) โดย อ.ดร.สายฝน สิทธิมงคล (คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี)

(รับประทานของว่างในระหว่างการประชุม)

16.00 น.  ปิดงานและเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

หลักการและเหตุผลของการจัดงาน: สิทธิในการเข้าถึงและจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ดี การพัฒนาโดยรัฐและการทำงานของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ได้ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมและมีการลิดรอนสิทธิของประชาชนที่ยากจนในการเข้าถึงและจัดการทรัพยากรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ในช่วง 3-4 ทศวรรษที่ผ่านมา มีโครงการพัฒนาจำนวนมากในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน โดยเฉพาะโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและพัฒนาพื้นที่การเกษตร ที่ทําให้ลักษณะทางกายภาพและระบบนิเวศของพื้นที่เปลี่ยนแปลงไปและไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ดังเดิม บางกรณี อาทิ โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำ/เขื่อนอาจต้องมีการอพยพโยกย้ายประชาชนออกจากที่พื้นที่ตั้งโครงการ นอกจากนั้นก็ยังมีโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ได้ส่งผลหรือกำลังจะส่งผลกระทบด้านสิ่งแดล้อม ตลอดจนแนวทางการอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ของหน่วยงานรัฐ ที่ทําให้ประชาชนไม่มีสิทธิที่มั่นคงในการครอบครองที่ดิน จนไม่สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างเต็มที่และเหมาะสม ขณะที่การจัดการทรัพยากรประมงและชายฝั่งบางมาตรการก็ยิ่งส่งผลเสียต่อระบบนิเวศชายฝั่งและต่อชีวิตชาวประมงขนาดเล็ก

ที่ผ่านมาได้มีการรวมตัวกันของประชาชนกลุ่มต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อแก้ปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น/ระบบนิเวศต่างๆ แต่กระนั้น แต่ละกลุ่มยังไม่มีโอกาสมากนักในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ และปัญหาอุปสรรคในการทำงาน ทั้งนี้ ในแง่หนึ่งทำงานกลุ่มประชาชนเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงได้กับขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชนในระดับประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในลักษณะเดียวกัน ในอีกแง่หนึ่งก็มีเงื่อนไขหรือลักษณะเฉพาะของความเป็นพื้นที่ชายแดนใต้ ที่บริบทความรุนแรงและความไม่สงบได้ส่งผลอย่างสำคัญต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวในงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประชาชน ดังนั้น เครือข่ายนักวิชาการศึกษานโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คนศ. จชต.)และภาคีจึงจัดงาน “เวทีเสวนาและระดมความคิดเห็นการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชายแดนใต้: ทบทวนอดีตเพื่อคุณภาพชีวิต ความยั่งยืน และความเป็นธรรม” เพื่อให้กลุ่ม/องค์กรของประชาชนที่ทำงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์มุมมองระหว่างกัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนกับขบวนการภาคประชาชนในระดับประเทศ ตลอดจนภาคส่วนต่างๆ เช่น สถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำมาสู่การประสานความร่วมมือกันต่อไปในการทำให้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำมาซึ่งคุณภาพชีวิต ความยั่งยืน และความเป็นธรรม

วัตถุประสงค์การจัดงาน:

1)เพื่อทบทวนบทเรียนและประสบการณ์ในการดำเนินงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของกลุ่ม/องค์กรประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

2)เพื่อเชื่อมโยงแนวคิดและประเด็นงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของกลุ่ม/องค์กรประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับ ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมของภาคประชาชนในระดับประเทศ

3)เพื่อหาแนวทางหนุนเสริมและประสานความร่วมมือในระดับต่างๆ ระหว่างกลุ่ม/องค์กรประชาชนที่ทำงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชายแดนใต้ และหน่วยงาน ภายนอก

องค์กร/ภาคีร่วมจัด:

1)เครือข่ายนักวิชาการศึกษานโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คนศ. จชต.)

2)คณะอนุกรรมการศึกษาความเป็นไปได้การถ่ายโอนภารกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

3)สมาคมลุ่มน้ำสายบุรี

4)สมัชชาคนจน

ภาพประกอบเป็นภาพแม่น้ำสายบุรี ถ่ายที่ ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา

Relate topics